วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

เรียนจบแล้วจะหางานบริษัท หรืองานราชการดี

พิธีจบการศึกษา ก่อนเผชิญโลกแห่งการทำงาน
น้องๆ บางคนไม่มีเป้าหมายในชีวิต เรียนจบแล้วยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีหรือนอนอยู่บ้านให้พ่อแม่เลี้ยงไปก่อน ผ่านไป 1 ปี ค่อยมาว่ากันเรื่องงาน ถ้าโชคดีมีเส้นสายพอที่จะฝากเข้าทำงานได้ ก็ไม่ต้องเดือดร้อนวุ่นวายเหมือนเพื่อนๆ

นักศึกษาคนอื่น แต่คนที่ไม่มีเส้นสาย มิหนำซ้ำต้องรีบทำงานเพื่อเป็นเสาหลักของครอบครัวแทนพ่อแม่ที่อ่อนล้า หมดเรี่ยวแรงลงไปทุกวัน คนเหล่านี้ต้องรีบหางานให้ได้โดยเร็วที่สุดถึงแม้ว่าจะอยากทำงานในองค์กรใหญ่ๆ ที่มีความมั่นคง ถ้าหากยังสอบไม่ได้ก็จำเป็นต้องหางานในบริษัทเล็กๆ หรือรับจ้างทำอะไรก็ได้เพื่อจะได้มีเงินมาจุนเจือครอบครัว

จริงๆ แล้ว เป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ในระหว่างที่รองานตำแหนงดีๆในหน่วยงานที่เป็นหลักประกันให้กับชีวิตการทำงานได้ก็อย่ารั้งรอที่จะทำงานอื่นเพื่อจะได้มีรายได้มาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันซึ่งการที่ไม่ปล่อยตัวเองให้ว่าง มัวรองานตำแหน่งดีๆจะช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ในการทำงานได้เป็นอย่างดีและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลก็มักจะพิจารณาบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษด้วยเหตุที่ว่าสามารถต่อยอดการทำงานได้ทันที ไม่ต้องสอนงาน และไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้งาน

หลายๆ คนที่กำลังหางานกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นงานบริษัท หรืองานราชการก็ตามควรยึดหลักความขยัน บากบั่น และมุ่งมั่นที่จะเดินตามความฝันให้สำเร็จบางคนอาจประสบความสำเร็จในชีวิตเมื่ออายุล่วง 30 ปีไปแล้ว หลายๆ คนสอบตำรวจ ทหารหรือเป็นผู้พิพากษาได้ ก็เคยเห็นมาแล้ว

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

3 คำถามก่อนหางาน สำหรับเด็กจบใหม่

เตรียมตัวก่อนหางาน
ยินดีด้วยครับ ถึง ณ จุดๆนี้คุณก็ได้ก้าวมาถึงวันที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีกันแล้ว จุดนี้จะว่าไปแล้วก็คล้ายๆ กับทางแยก ที่คุณต้องเลือกทางเดือนให้กับชีวิตเหมือนกัน คุณอาจจะเลือกเดินไปในทางของการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป เช่น ปริญญาโท เป็นต้น หรือคุณอาจจะเลือกทางเดินที่นักศึกษาจบใหม่ส่วนใหญ่เลือกคือ การออกหางาน และสมัครงานในสายที่คุณได้ล่ำเรียนมาเป็นระยะเวลา 4 ปี ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนก็ไม่ผิดครับ อนาคตก็จะเดินต่อไปในทางเดินสายนั้นๆ ในบทความนี้เรามาตามดูกันถึงทางที่คุณจบมาแล้วเริ่มหางานกัน มาดูกันว่ามีคำถามอะไรบ้างที่คุณต้องถามตัวเอง และหาคำตอบให้ตังเองให้ได้ก่อนหา และสมัครงานบริษัท หรือโรงงาน

หาคำตอบให้ได้ว่า ที่จริงแล้วคุณต้องการอะไร?
คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าปวดหัวไม่น้อยสำหรับทุกๆ คนที่ต้องตอบ เพราะหาคำตอบได้ไม่ง่ายเลย ไม่เหมือนกับเวลาเราไปเดิน Shopping เราก็มักจะรู้อยู่ว่าต้องการอะไร โดยเฉพาะน้องๆ ผู้ชายไปเดินห้างทั้งทีก็จะมีจุดมุ่งหมายว่าไปซื้ออะไร ซื้อรองเท้า รองเท้ายี่ห้ออะไร Size อะไร เป็นต้น อันนี้ง่าย ไม่ยากอะไร แต่ถ้าจะให้ค้นหาตัวตนที่แท้จริงด้วยคำถามๆ เดียวนี้เป็นเรื่องยากเอาการ แนะนำว่าให้คุณลองสังเกตตัวเอง หรือย้อนอดีตกลับไปดูตัวเองเริ่มที่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก่อนก็ได้ครับว่า คุณเป็นคนที่มีบุคลิกแบบไหน เช่น คุณเป็นคนชอบเข้าสังคม ชอบพบปะพูดคุยกับคนมากหน้าหลายตาเพื่อที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แบบนี้คุณก็มีแนวโน้มว่า คุณอาจเลือกอาชีพเป็นพนักงานงาน หรือ Sale ได้ หรือ ถ้าคุณสนใจในด้าน เป็นพิเศษ และชอบอธิบายความรู้เกี่ยวกับด้านนี้ให้คนอื่นๆ แบบนี้คุณอาจจะลองหางานด้านเป็นอาจารย์สอนด้าน IT ตามสถาบันต่างๆ ที่เปิดสอน ก็ได้

คุณเคยมีประสบการณ์การทำงานจริง บ้างไหม?
คำถามนี้มีความหมายชัดเจนในตัวเอง และตอบง่ายไม่ยากเหมือนคำถามแรก และที่สำคัญคุณสามารถสร้างคำตอบสำหรับคำถามนี้ได้ด้วยตัวเองด้วย คำตอบที่ดีคือ คุณควรมีประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย ไม่สำคัญครับว่างานที่ทำต้องเป็นงานดี เงินดี หรือ งานตรงสายที่คุณเรียนมา
เป็นงานอะไรก็ได้ครับ ขอให้เป็นงานที่ได้ใช้ความสามารถ ได้เรียนรู้ถึงกรเข้ากับสังคมและ การทำงานเป็นทีม ทักษะพวกนี้หาได้จากการทำงานจริงมากกว่าตอนศึกษาอยู่ คุณอาจจะมีคำถามว่า  เอ๊ะ ก็คุณเป็นนักศึกษาอยู่จะไปทำงานได้อย่างไร?
ตอบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแบ่งเวลาว่างไปหางาน Part Time ทำ แค่เรียนอย่างเดียวก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ทว่าถ้าคุณสามารถทำได้คุณจะมีภาษีเหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นมากโขเลยทีเดียว

คุณเขียนใบประวัติที่ใช้สมัครงาน หรือ Resume ดีหรือยัง?
คุณมีสิ่งสำคัญที่สุด ในการสมัครงานและได้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานบัญชี หรืองานคครู หรืองานอื่นๆ นั่นคือ ความรู้ตามสายงานที่ได้เล่าเรียนมาหลายปี คุณตั้งใจเล่าเรียนมาแรมปีถือว่าคุณได้เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานแล้ว สิ่งที่เหลือเช่นการเขียน Resume ถึงแม้ว่าไม่ใช่ปัจจัยหลัก หรือสำคัญเทียบเท่า แต่ก็ยังมีความสำคัญไม่ควรที่จะละเลยไป เพราะว่าผู้ทีหน้าที่สัมภาษณ์ และพิจารณาใบสมัคร จะได้รู้จักคุณผ่าน Resume ของคุณเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณเขียนใบประวัติได้ไม่น่าสนใจ ทั้งๆ ที่คุณมีความสามารถมากกว่านั้น อาจทำให้คุณเสียโอกาส คือไม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานได้ ดังนั้น พยายามเขียนใบประวัติให้
  • ชัเจน กระชับ ตรงประเด็น
  • บ่งบอกถึงความสามารถพิเศษ หรือประสบการณ์ให้มาก
  •  ยาวไม่เกิน 1-2 A4

ที่สำคัญถ้าคุณมีประสบการณ์ทำงานมาบ้างขณะ ที่ศึกษาอยู่ ขอหนังสือแนะนำ หรือใบผ่านงาน นำบุคคลอ้างอิง มาแนบกับใบสมัครด้วย สิ่งเหล่านี้จะทำให้ใบสมัครของคุณดูน่าเชื่อถือขึ้นอีกเป็นกอง

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

วิธีเช็คตัวคุณเองว่า คุณเบื่องานหรือยัง

กำลังเบื่องานประจำอยู่ หรือเปล่า?

ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ชัดได้เวลาที่ ชอบอกชอบใจหรือไม่ปิติยินดีกับภารกิจงานขณะนี้ เพราะเหตุว่าหลายๆ คน พวกเขาเพียงต้องการแต่มีอาชีพ รายได้ที่มั่นคง ก็เพียงพอแล้ว พวกเขาไม่สนใจว่าพวกเขา จะรักอาชีพนี้จริงๆหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเหนื่อยล้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ และไม่รู้ชัด ในที่สุด วันหนึ่งผลกระทบในแง่ลบ อาจเกิดขึ้นกับคุณ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องตามดูกันว่า สิ่งที่ทำ ให้คุณมีอาการเหนื่อยล้า กับหน้าที่การงานคืออะไรกันแน่? คุณจะบอกได้อย่างไร เมื่อไรว่าคุณเหนื่อยล้ากับหน้าที่การงานที่คุณทำอยู่? และคุณสามารถทำ อะไรกับามันได้บ้าง?

คุณมีข้อแก้ตัวให้ตัวเองเสมอเมื่อส่งงานไม่ตรง เวลา

คุณไม่ต้องการที่จะพยายามหรือทำงานให้เสร็จตรงตามหมายกำหนดการส่งงาน คุณจะมีข้อแก้ตัวเสมอเวลาทำงานส่งงานไม่ทัน ถึงแม้เจ้านายคุณจะให้เวลาในการทำงานเพียงพอต่อการทำให้เสร็จ แต่คุณก็ยังไม่รู้สึกอยากทำงาน ด้วยความตั้งใจให้สำเร็จลุล่วงภายในเวลาที่กำหนดเมื่อถูกตักเตือนหรือ ถูกเร่งงานโดยเจ้านาย คุณก็จะหาข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อมาอธิบายเหตุผลของการส่งงานช้าถ้าคุณ มีข้ออ้าง ในเวลาส่งงานช้าในลักษณะนี้คุณอาจเข้าข่ายเริ่มต้นเบื่อหน่ายการงานที่ทำครับ

คุณให้ความสำคัญกับนาฬิกามากกว่างาน
อาชีพคือเงิน คุณดูจะเข้าใจ และยึดมั่นกับคำกล่าวนี้เป็นอย่างดี คือทำงานไปวันๆ ถึงเวลาก็ รับเบี้ยเลี้ยงคุณรู้สึกว่าวันทำงาน วันนึงๆ ทำไมเวลาช่างเดินช้าเสียจริง เวลางานหมดไปช้าซะเหลือเกินคุณไม่อยู่นิ่ง เล่นอินเทอร์เน็ต อ่านหนังสือพิมพ์และพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น เพื่อฆ่าเวลาคุณมักรู้สึกอยากกลับบ้านก่อนเวลาและไม่เดือดร้อนกับงานหลายๆสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ

ไม่ต้องการที่จะช่วยผู้อื่นเพื่อนร่วมงานบริษัท
เมื่อในที่ทำงานต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับงาน คุณรู้สึก ไม่มีความสุุขถ้าเลือกได้คุณจะขอเลือกงานง่ายๆ จะได้มีเวลาเหลือไปทำกิจกกรรมที่ชื่นชอบส่วนตัว ในกรณีที่ คุณช่วยเพื่อนร่วมงาน มันก็เป็นเพียงเรื่องที่เคยชิน ไม่ใช่เกิดจาก ความกระตือรือร้น

มองหางานใหม่
คุณท่องไปในอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาเพื่อหาอาชีพและตระเตรียมResumeสำหรับงานประจำใหม่ถ้ามีโอกาสเข้ามา คุณจะมีความสุขว่าตัวคุณเองมีค่า มีทางเลือกใหม่ๆ ทุกๆ ครั้งที่มีอีเมล์ มีโทรศัพท์ชักชวนให้คุณไปสัมภาษณ์งานที่ได้สมัครไว้ โดยคุณหวังไว้ว่า ถ้าคุณหา และสมัครงานใหม่ๆ จะทำให้คุณสามารถอัพเงินเดือนขึ้นไปได้อีก ในขณะเดียวกันลดความเสี่ยง เพราะคุณยังมีงานเก่ารองรับเมื่อความใส่ใจ สนใจของคุณแทบจะทั้งหมดถูกใช้ไปกับการมองหางานใหม่ งานประจำปัจจุุบัน จึงได้ถูกละเลยไปมาก ถึงมากที่สุด