วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

หางานแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวเรา


หางานให้เหมาะกับตัวคุณ
จริงๆ แล้ว เรื่องหางานไม่ใช่เรื่องยาก สมัยนี้ไม่ต้องซื้อหนังสือหางาน และตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อสมัครงาน เรียกได้ว่า เดินกันจนรองเท้าสึกไปเป็นคู่ๆ ก็ยังหางานที่ดี ที่ถูกใจไม่ได้เลย แต่ยุคโลกออนไลน์ให้ประโยชน์ในทุกๆ เรื่อง เพียงแค่ลากเม้าส์ แล้วคลิกดูข้อมูลที่สนใจ อย่างเช่น ตำแหน่งงานว่าง หรือองค์กรที่เปิดรับสมัครงานที่อยู่ในความสนใจ

จากนั้นก็เริ่มต้นสมัครงานออนไลน์ โดยส่งประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา เสนอเงินเดือนที่ต้องการ แล้วนั่งรอเมล์ที่จะตอบรับกลับมา ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ ก็ถือว่าสะดวกสุดๆ แล้ว เพราะในแต่ละวัน เราสามารถหางาน และสมัครงานได้เป็นสิบๆ ที่โดยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการออกจากบ้านเลย

แต่งานแบบไหนล่ะที่จะเหมาะสมกับตัวเรา เรื่องนี้สำคัญมาก นับตั้งแต่เริ่มสอบเข้าเรียนต่อ หลายๆ คนเลือกเรียนตามกระแสสังคม อย่างเช่น วิศวกรรมศาสตร์, รัฐศาสตร์, นิติศาสตร์, นิเทศศาสตร์ ฯลฯ โดยลืมดูว่าตัวเราเองนั้น มีความถนัดในด้านไหนกันแน่ บางคนถนัดด้านศิลป์ มีความคิดสร้างสรรค์ในด้านการออกแบบ วาดภาพ แต่จะเลือกเรียนตามความถนัด ก็เกรงว่า เมื่อเรียนจบออกมาแล้ว จะหางานไม่ได้ ก็เลยไปเลือกเรียนบัญชี หรือวิศวะ โดยหารู้ไม่ว่า การเรียนอะไรที่ถนัด เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเราสามารถดึงความสามารถที่แฝงอยู่ในตัวเรา ออกมาใช้ได้ และสร้างสรรค์วิชาชีพได้ดีกว่า

สำหรับคนมีเหตุผล ชอบอยู่กับตัวเลข สามารถนั่งทำงานนิ่งๆ ได้เป็นเวลานานๆ ก็น่าจะเหมาะสมกับงานด้านการบริหารจัดการ หรือบัญชี แต่ถ้าเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือร้น ชอบพบปะผู้คน ควรจะเลือกงานประเภทประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณา สื่อสารมวลชน สำหรับคนที่มีความอ่อนไหว มนุษยสัมพันธ์ดี ก็เหมาะกับงานประเภทงานบริการ ทั้งนี้การเลือกงานให้เหมาะสมกับตัวเรา ก็ต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกเรียนสาขาวิชาชีพต่างๆ จึงจะสามารถวางแผนการหางานได้ดี

อีกหนึ่งทางเลือกที่คนส่วนใหญ่มักจะนำมาเป็นเหตุผลในการเลือกงาน ก็คือสถานที่ทำงาน หรือหน่วยงานที่อยู่ในความสนใจ ทั้งนี้ต้องประเมินขีดความสามารถเฉพาะตัวกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น บริษัท การบินไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เป็นที่นิยมในหมู่คนหางาน แน่นอนว่า คนที่จะผ่านกระบวนการคัดเลือกเข้าไปเป็นพนักงานของบริษัทการบินไทยนั้น ต้องมีความสามารถด้านภาษาเป็นที่โดดเด่น ดังนั้นตั้งแต่เริ่มเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ก็คงต้องขวนขวายเรียนรู้ด้านภาษาเพิ่มเติม เมื่อจบออกมาก็มุ่งมั่น ตั้งใจที่จะสอบเข้าทำงานให้ได้ ซึ่งก็มีหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จ เดินตามความฝันได้อย่างภาคภูมิ

แนะนำหางานบริษัท

หางาน
สำหรับผู้ที่กำลังหางาน ไม่ว่าจะเป็นงานบริษัท งานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ และงานธนาคาร รวมถึงงานอื่นๆ ที่น่าสนใจ ตอนนี้มีการรับสมัครงานจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนหลายร้อยอัตรา โดยผู้ที่สนใจสมัครงาน สามารถติดตามตำแหน่งงานต่างๆได้จากเว็บไซต์จัดหางาน ซึ่งมีอยู่มากมาย เว็บไซต์ต่างๆ นั้น

บางเว็บไซต์ก็จะเน้นงานราชการโดยเฉพาะ บางเว็บไซต์เน้นไปที่งานบริษัท งานธนาคารดังนั้นหากสนใจจะสมัครงานในตำแหน่งงานใด ก็ควรจะคลิกเข้าไปดูให้ทั่วทุกหมวดแต่ละประกาศที่เปิดรับสมัครงาน จะมีรายละเอียดการสมัครงาน พร้อมคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง และหน้าที่รับผิดชอบ รวมถึงอัตราเงินเดือนที่จะได้รับอีกด้วย

เรียกได้ว่า มีข้อมูลแน่น ไม่จำเป็นจะต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกก็ว่าได้ผู้ที่ต้องการสมัครงาน เพียงแต่เตรียมเอกสาร หลักฐานเกี่ยวกับการสมัครงานให้ครบถ้วนแล้วดำเนินการสมัครงานตามรายละเอียดที่ให้ไว้ อย่างเช่น ถ้าเป็นงานราชการก็มักจะต้องสมัครงานด้วยตนเอง ณ หน่วยงานที่ประกาศรับสมัครงาน

หรือสมัครงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ถ้าเป็นลักษณะนี้ ให้สแกนเอกสาร หลักฐานการศึกษาและประวัติส่วนตัวให้พร้อม เพราะการสมัครงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์นั้นพลาดไม่ได้เลยแม้แต่คำตอบเดียว หากกรอกข้อมูลผิด และระบบทำการบันทึกข้อมูลไปแล้ว

ก็เป็นอันว่า จบสิ้นกระบวนการสมัครงาน และไม่สามารถแก้ไขได้ ผู้สมัครหลายๆ รายพลาดโอกาสตรงนี้กันเยอะมากส่วนงานบริษัท หรืองานเอกชนอื่นๆ ผู้สมัครต้องเดินทางไปสัมภาษณ์งานด้วยตนเองจึงต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ที่สำคัญคือเรื่องการแต่งกาย ต้องสุภาพ เรียบร้อย บุคลิกดีไม่สวย ไม่หล่อ ก็มีโอกาสได้งานทำเช่นเดียวกับคนสวยๆ หล่อๆ

สำหรับคนเราแล้วปัจจัยพื้นฐานมันตอบสนองได้เพียงแค่ระดับหนึ่งแหละคะ แต่สิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อคนทำงานเป็นปัจจัยในเรื่องของจิตใจ ซึ่งส่งผลอย่างมากว่าคนจะตัดสินใจอยู่หรือไม่อยู่กับองค์กร ง่ายๆก็คือ “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” นั่นแหละคะ ถ้าเรามีความคิด ความเชื่อ วิธีการทำงานที่ขัดแย้งกับแนวทางขององค์กรเป็นเรื่องยากที่เราจะอยู่กับองค์กรนั้นๆได้นาน ต่อให้เราพยายามปรับตัวมากเท่าไหร่ สภาพจิตใจที่รับกับความขัดแย้งในจิตใจของตัวเองจะให้ความตั้งในการทำงาน การจูงใจต่างๆก็ลดลงตามไปด้วยแหละคะ

แต่ในทางตรงข้ามถ้าเรามีสไตล์การทำงาน อุปนิสัยที่สอดคล้องกับองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานแล้วมันจะช่วยให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตัวเราเองมีความสุขและมีแรงจูงใจในการทำงาน พร้อมและมีพลังที่จะทำงานในทุกๆวัน ลองสังเกตดูสิคะ คนเราเนี่ยเวลาที่เราจะเลือกคบใครหรือเป็นเพื่อนกัน มันจะมีอะไรบางอย่างที่มันคล้ายกันหรือเข้ากัน มันมีบางอย่างแหละที่ต่างกันแต่มันก็มีบางอย่างที่เข้ากันได้ เคมีตรงกันถึงจะคบกันยาวจริงม้า??

นี่ไง “รู้เรา” กันแล้ว ที่นี้เราจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งหรือไม่นั้น จะบอกว่ายังไงดีหละ ปรับหน่อยเนอะจะรบก็ดูจะแรงไปหน่อย เอาเป็นว่าเราจะพิชิตเป้าหมาย ได้งานที่ฝันสมใจ เมื่อเรารู้จักใช้กลยุทธ์ การรู้เขา และรู้เรา เพื่อวางยุทธวิธีพิชิตให้ได้งาน และถ้าเราจะมองต่อยอดต่อไปเมื่อพิชิตงานในฝันกับองค์กรที่ใช่แล้วการมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน การพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปภายหน้า อย่างมีสติ และมีการวางแผนเป็นอย่างดีความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนะคะ